วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2551

เปิดใหม่! สูญการค้าบัวศรีดีพาร์ทเม้นสะโตร์.....

เปิดใหม่!!!!!
ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ศูนย์รวมความบันเทิง ตั้งแต่โรงหนัง ไปถึงสนามกีฬา
ไลฟ์สไตล์ อเวนิวขนาดใหญ่
ฟู้ดฮอล์ที่จุคนได้กว่า 250 คน
พบได้ที่นี่....
-------สูญการค้าบัวศรีดีพาร์ทเม้นสะโตร์--------
เจอกันเร็วๆนี้
เริ่มสร้างในปี 2008/3/22
แล้วเสร็จ 2008/3/25
แล้วเจอกัน!
ความยิ่งใหญ่ที่หาใดเหมือน
ความสวยงามที่หาสิ่งใดเทียบเคียง
ความหรูหราสไตล์ฝรั่งเศสปนนิวยอร์ก
แล้วเจอกัน
.....บัวศรีเอ็กซ์ทีน.....
(ถ้ามีปัญญาทำนะคะ)
เพื่อไม่ให้เอนทรี่นี้เสียป่าว (เดี๋ยวป้าจะไปเที่ยวกับญาติค่ะ พิมพ์อย่างรีบเร่ง) ขอแฉอะไรหน่อย เมื่อวาน 21/3 ป้าได้ไปดูหนังชัตเตอร์ของฮอลลีวู้ด ที่มาบุญครอง ซึ่งเนื้อหาก็เหมือน(คล้ายๆ)กับของไทยเลยค่ะ แต่ก็สนุกดี แต่ตอนค่อนๆเรื่อง ผีแบบกำลังออกมาหลอกพระเอก ผีปีนขึ้นไปบนเตียง(กรุณานึกภาพตาม) หน้าตาแบบผีญี่ปุ่นค่ะ แล้วชีก็ถอดเสื้อ แต่เนื้อตัวชีแบบ....เน่าเฟะ กำลังลุ้นได้ที่ พรึ่บ! ไฟดับค่ะ ทั้งโรง หนังหายไปเลย ไฟฉุกเฉินสว่างขึ้น โคตรเซ็ง หมดอารมณ์เลยค่ะ รออีกตั้ง 20 นาที ถึงมีเจ้าหน้าที่เข้ามาถามว่าเมื่อกี่ถึงตอนไหนแล้ว...- -* ป้าก็บอกว่าถึงตอนที่ผีมันอยู่บนเตียงกำลังจะถอดเสื้อ น่าโมโหจริงค่ะ ป้าคิดว่าน่าจะคืนเงินให้ลูกค้า(ซัก 50 บาท)เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบ เซ็งจริงๆ แพงก็แพง 150 (ดิจิตอล)รู้งี้ไปดูพารากอนดีกว่า ราคาเท่ากันเลย
จบ

วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2551

ดาว...และ....ตะวัน


เคยลองสังเกตบ้างมั้ย?

บางครั้งโชคชะตามักจะเล่นตลกกับหลายๆอย่าง

ไม่เว้นแม้กระทั่ง..........

ดาว.....และดวงตะวัน

ดวงตะวัน.....ที่เราจะพบได้ตอนกลางวัน พร้อมกับแสงสว่าง และการดำเนินของชีวิตทุกชีวิต

ดวงดาว......ยามค่ำคืน....ยามที่ทุกอย่างต่างก็พักผ่อน ความเยือกเย็น และหงอยเหงาของกลางคืน

ดาว และตะวัน ไม่เคยแม้แต่จะได้เห็น นึกถึงแต่ละคน อาจเป็นเพราะอยู่คนละฝากฟ้าแต่ก็ฟ้าเดียวกัน

..............เมื่อคนหนึ่งมา ......อีกคนต้องจากไป...............

แต่แล้ว.......... โชคชะตา ก็เล่นตลกกับดวงดาว

ยามใกล้รุ่ง ความมืดมิดเริ่มหดหาย แทนที่ด้วยแสงตะวันยามเช้าที่แสนแจ่มใส

ยามที่ดาวทั้งหลายต้องจากไป.............

ยามที่ตะวัน จะต้องมา............

..............ยังมีดาวอยู่ดวงหนึ่ง................เฝ้าถามตัวเอง.....

กับคำถามที่เคยได้ยิน.....จากพระจันทร์

คำถามที่ดาวหลายๆดวงนั้น มักจะถามพระจันทร์เสมอๆ

คำถามที่พระจันทร์นั้น......ตอบไม่ได้ หรือไม่ได้ตอบ

คำถามที่ดาวดวงนี้....ยังไม่เข้าใจ

ความสุขของการได้รักใครซักคนนั้น....เป็นเช่นไร ?
พระจันทร์ไม่เคยตอบคำถามนี้เลยซักครั้ง ......ไม่ใช่เพราะตอบไม่ได้......
แต่.......
พระจันทร์บอกเพียงว่า .....ยังไม่ถึงเวลา..... เมื่อกาลเวลาผ่านไป.... ทุกคนก็ต้องได้พบเจอ
ดวงดาว
ได้แต่เฝ้ารอ และถามตัวเองเสมอ
เมื่อไร....จะถึงเวลา ?
ยามใกล้รุ่ง ดวงดาวมัวแต่คิด คิด คิด คิด....... จนไม่สังเกตว่า แสงทองยามเช้า เริ่มทอแสง ในฟากฟ้าอันมืดมิด
จนกระทั่ง.......ดวงตะวันได้โผล่พ้นขอบฟ้า
ดวงดาวก็ได้รู้.......
ความสุขของการได้รักใครซักคนนั้น....เป็นเช่นไร
......หัวใจของดวงดาว ....เต้นแรงเหลือเกิน
..........ช่วงเวลาอันยาวนาน ที่ดวงดาวได้เกิดมา และอยู่อย่างไม่รู้จักความรักนั้น ช่างไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง หากเทียบกับช่วงสั่นๆ ที่ดวงดาวได้เรียนรู้ว่า.....
ความสุขของการได้รักใครซักคนนั้น....เป็นเช่นไร
แต่......
ดวงดาว ไม่มีทางที่จะได้พบดวงตะวัน
...
......ไม่มีจะรักแค่ไหน
........โชคชะตาขีดไว้ให้ดาว และตะวัน อยู่ฟ้าเดียวกัน..........
..............เมื่อคนหนึ่งมา ......อีกคนต้องจากไป...............
ดวงดาวได้แต่รอ และเฝ้าอธิษฐาน.....
ดวงดาวเฝ้ามองที่ขอบฟ้า.....ทุกวัน
แม้จะได้เจอแค่แสงรำไรของตะวัน
แม้ว่าดวงดาว จะต้องดับแสงของตัวเอง
ดวงดาวยังคงเฝ้ารอ.....ทุกวัน
....
.......ทุกวัน.......
.......ทุกวัน.......
.......เรื่อยไป......
........และตลอดไป........

....เธอกับฉันเหมือนดาวกับดวงตะวัน
ไม่มีทางที่เราจะพบ จะมาเจอกันเหมือนคนทั่วไป
ไม่ว่ารักกันแค่ไหน โชคชะตาขีดไว้ให้เราอยู่ฟ้าเดียวกัน แต่ไม่มีวันที่จะมาเจอกันได้อย่างใครๆ
......ฉันมองที่ขอบฟ้า รอเวลาที่เธอจะมา แม้จะได้เจอแค่เพียงแสงรำไร แค่เพียงไกลๆ
แม้ว่าจะต้องดับแสงของตัวเอง แลกได้ทุกๆอย่าง
.....หากการสิ้นแสงตัวเอง คือการได้พบเจอเธอ
....ชาติที่แล้วคงทำอะไรไว้
จึงมีผลให้เราต้องผลัดต้องพราก มีความรักที่ยากเย็นและเป็นทุกข์ในวันนี้
ได้แต่อธิษฐานให้เราหมดทุกข์เสียที ได้พบเจอกัน และก็ไม่มีวัน จะจากกันไป
.......ฉันมองที่ขอบฟ้า รอเวลาที่เธอจะมา แม้จะได้เจอแค่เพียงแสงรำไร แค่เพียงไกลๆ
แม้ว่าจะต้องดับแสงของตัวเอง แลกได้ทุกๆอย่าง
หากการสิ้นแสงตัวเอง คือการได้พบเจอเธอ..
.....จะยอมเพื่อเธอเสมอ หากการที่ฉันดับแสง คือการได้พบเจอเธอ..
เครดิต : เพลงดาวกับตะวัน นิว+จิ๋ว

วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2551

ณ เพลาหนึ่งในอดีต..55+ ว่าด้วยเรื่องโฆษณา

ป้าขอบอกว่าบทความนี้ไม่ได้ค่าโฆษณาสินค้าตัวนี้แต่ประการใด ใครที่เคยดูโฆษณานี้แล้ว ก็ดูอีกครั้งค่ะ โดนจริงๆดูแล้วแบบ..หัวเราะไม่หยุด

ป้าได้เจอโฆษณาที่...เหอๆๆ ช่างคิดกันจริงๆค่ะ เป็นโฆษณาที่เรียกร้องความสนใจได้ ใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อย ตัวสินค้าก็ออกมาดูดีเข้ากับวัตถุประสงค์ ที่สำคัญโฆษณาเหล่านี้ฮาจริงๆค่ะ




1. อ้ายวี.......ivy
ณ เพลาหนึ่งในอดีต เวอร์ชั่นที่ 1




http://www.kosanathai.com/

......แม่พลอยหุง นั่นกระเป๋าหลุยส์ใบตองรุ่นใหม่รึ..55+
..........อุ๊ย ท่านออกญาฯโดนแอดเข้ามาแล้ว...55+





แม่เจ้าประคุณรุนช่อง มาดูอันที่สองเลยค่ะ

2. อ้ายวี ...ivy
ณ เพลาหนึ่งในอดีต เวอร์ชั่น 2




www.kosanathai.com


........สายหลุดอีกและ........ - -*

วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2551

13 เรื่องสยอง(ตรงไหน?)ใน"อุ๊แลนด์"...

หลากหลายเรื่องราวที่ได้เล่าสืบทอดต่อๆกันมา เรื่องเร้นลับที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้(จะโดนฟ้องมั้ยเนี่ย - -) ตำนานต่างๆที่ได้รับการกล่าวขานกันมากมาย(แม้ว่าจะเปิดมา 2 เดือนกว่าก็ตาม - -) ทุกเรื่องราว ที่ป้าได้ไปสอบเสาะ ค้นคว้า และถ่ายรูปกลับมาด้วยความยาก ได้ถูกป้ารวบรวมไว้หมดแล้วที่นี่ ป้าขอรับรองว่าเรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงไม่อิงนิยาย ที่เกิดขึ้นที่ "อุ๊แลนด์" ............(คำเตือน เด็ก และสตรีมีครรค์ไม่ควรอ่านเกินวันละสองครั้ง)






1. ลิฟท์หลอน(คนเป็นหนอน)มฤตยู
ตึกอุ๊ ความจริงมีชื่อว่า อาคารวรรณสรณ์ มีทั้งหมดกว่าสิบหกชั้น(ชั้นสิบหกไม่มีบันไดเลื่อนขึ้น) ซึ่งแต่ละชั้น(ไม่ครบทุกชั้น) ประกอบไปด้วยที่เรียนพิเศษมากมาย เด็กจากทั่วสารทิศต่างหลั่งไหลมาเรียนที่นี่ แต่.....อุ๊แลนด์มีลิฟท์เพียงแค่สามตัว ซึ่งช้ามาก กว่าจะเดินทางไปกลับ(ขึ้นลง)แต่ละครั้งประมาณครึ่งชั่วโมง ทำให้เด็กๆผู้น่าสงสารต้องยืนรอกันอย่างหนาวเหน็บ...... ว่ากันว่า สาเหตุอันลึกลับที่ทำให้อุ๊แลนด์นั้นมีลิฟท์เพียงสามตัวก็เพราะว่า..............ประหยัดไฟค่ะ...............





2. บันไดสยอง ครองใจคน
อันเนื่องมาจากเรื่องราวของข้อ 1 ทำให้หลายคนมีทางเลือกใหม่ในการขึ้นตึกเรียน โดยการใช้บันไดเลื่อน ป้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอุ๊ถึงมีบันไดเลื่อนมากมาย การโดยสารกับบันไดเลื่อนนั้น เช่นป้า ที่ตั้งขึ้นไปชั้น 15 ใช่ว่าจะสะดวกสบายนัก ถ้าคนมากๆเราก็จะเบียดกันขึ้นบันไดอยู่ดี แต่บางครั้งถ้าคนที่ยืนอยู่หน้า-หลังเรา เป็นผู้ชายที่หน้าตาดี หุ่นเฟิร์ม ถือว่าเป็นสวรรค์เลยค่ะกับการขึ้นบันไดเลื่อน






3. บันไดห่วย คนสวยจะไปไหน ? - -
ถ้าป้าจำไม่ผิด(แต่คาดว่าน่าจะผิด) ตรงทางขึ้นระหว่าง ชั้น 12 กับชั้น 12a เชื่อมระหว่างแอพเผ่าฯกับอรรณพฯ จะมีบันไดเลื่อนตรงนี้ละค่ะ ที่ปิดประจำเลย - - ตอนแรกๆป้าก็เซ็งค่ะ ทุกๆคนล้วนบ่นกันว่าจะประหยัดอะไรนักหนา(ถึงกับปิดบันไดเลื่อน) พอวันนี้เราก็ได้ทราบความจริงค่ะ ว่าบันไดเลื่อนเสีย แต่เรื่องไม่จบแค่นี้ค่ะ ป้าได้ยินเสียงเล่าลือกันถึงเรื่องลึกลับที่เกี่ยวกับบันไดเลื่อนอันนี้ ป้าไม่รอช้ารีบไปสืบมาทันที ได้ความว่ามันมีสุนัขอยู่ตัวนึงค่ะ ถ้าใครเคยเห็น เป็นพุดเดิ้ลสีขาว ของพนักงาน โคตรน่าหมั่นไส้ ทำให้มีนักเรียนคนนึงไปแกล้งมันค่ะ โดยเอามันไปวางในบันไดเลื่อน ทำให้ขนมันติดพันบันไดจนเจ๊งเลยค่ะ เรื่องนี้เป็นข่าวเล่าลือกันมานะคะ ใครจะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่.....







4. ไฟรั่ว มั่วจริงๆๆ - -
การมาเรียนที่ตึกอุ๊ต้องทำใจค่ะ ว่าคุณจะต้องโดนไฟช็อตประจำ บางครั้งเดินข้างๆผู้ชายอยู่ ผิวของเราสองคนไปสัมผัสกันหน่อย ไฟก็สปาร์คแล้วค่ะ แหะๆอย่าพึ่งเข้าใจผิดค่ะ มันเป็นไฟฟ้าสถิตย์ค่ะ อาการเย็น+แห้ง พอไปโดนตัวกันก็แสบแปลบๆ โดยเฉพาะบนบันไดเลื่อนค่ะ ประจำ จนมีคนบอกว่า บันไดเลื่อนนั้นไฟรั่ว.....ถ้ารั่วจริงป้าคงไม่มีปัญญาขึ้นไปถึงชั้น 15 หรอกค่ะ



5. ขนมปัง(หน้า)เลือดท่วม
เพื่อทำให้"อุ๊แลนด์"เป็นศูนย์การเรียนการสอนที่ครบวงจรจริงๆ ในอุ๊แลนด์จึงไม่มีเพียงมีแต่ที่เรียนพิเศษเท่านั้น แต่ยังประกอบไปด้วย ฟู้ดคอร์ด(ที่ใหญ่มากๆๆๆๆ - -) ร้านขนมต่างๆ ร้านกาแฟ ร้านขายของชำ คลีนิก ศูนย์ทันตกรรม ร้านขายหนังสือ ร้านขายเครื่องเขียน แต่ในรูปนี้เป็นร้านขนมปังที่กำลังฮอตฮิตติดลมบนในขณะนี้ ถ้าใครเดินผ่านจะได้กลิ่นหอมๆของขนมปังปิ้ง น่ากินมากๆค่ะ ป้าเดินไปดูอย่างติดตาม แต่เมื่อได้ยินราคาแล้ว ป้าวิ่งหนีแทบไม่ทันค่ะ เป็นขนมปังธรรมดา ปิ้งธรรมดา ใส่นมข้นตรามะลิกระป๋องละ 12 บาทธรรมดา มีทั้งหมด 4-5 ชิ้น แต่ราคา....25 บาทค่ะ.... ป้ายอมไปกินน้ำในห้องน้ำดีกว่าค่ะ




6. เปิดแล้ว !!!!!
ตามภาพเลยค่ะ อุ๊แลนด์มีสเวนเซนส์แล้ว พนักงานชอบทำลูกโป่งแตกค่ะ เสียงโค-ตะ-ระ ดัง ตกใจทุกทีเมื่อได้ยินค่ะ




7. คราบสยิว...กลิ่นสยอง!!!!!

นี่คือห้องน้ำที่ชั้นสอง ใกล้ฟู้ดคอร์ดค่ะ เป็นสถานที่ที่รวบรวมเรื่องสยองๆต่างๆไว้มากมาย หนึ่งในเรื่องที่เลื่องลือที่สุด ได้รับการกล่าวขานกันมานาน(กว่า 2 เดือน) คือ เงาสยองค่ะ พื้นห้องน้ำที่นี่ไม่มีวันแห้งค่ะ เป็นเรื่องที่ลึกลับจริงๆ อุ๊แลนด์ขึ้นชื่นเรื่องการทำให้ห้องน้ำไม่แห้งค่ะ - - เวลาเข้านั้นจะมองเห็นเงาตัวเองเลยค่ะ ลองดูตรงกำแพงสิคะ เห็นอะไรแล่บออกมามั้ย... เหอๆๆๆๆ มันคือรองเท้าคนห้องข้างๆค่ะ สยองจริงๆ

8. นางไม้ นางตะเคียน ผีตานี ผีบ้านผีเรือน ผี(นี)โอ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ
ไม่ว่าจะสถานที่ใด ไม่ว่าจะใหญ่โตขนาดไหน ไม่ว่าจะไฮเทคยังไง ก็ยังคงมีสิ่งศักสิทธิ์ที่คอยคุ้มครองให้สถานที่นั้นปลอดภัยจากอุปสรรคต่างๆ รูปนี้กว่าป้าจะเก็บมาได้ ขอบอกเลยว่ายากลำบากแสนสาหัสค่ะ กล้องป้าที่ใช้เป็นกล้องอินฟาเรดค่ะ มีความไวชัตเตอร์สูงมาก รอคอยมากว่าแปดวันเต็มค่ะ เราถึงจับภาพได้ เธอใส่เสื้อสีชมพูค่ะ นี่กลางวันแสกๆนะคะ เฮี้ยนจริงๆ ไม่ไหวแล้ววววววววววววว




9. GSC ~ GSMC

ไร้คำบรรยายค่ะ คนละที่กันนะคะ GSC กับGSMC ไม่ใช่สาขา เธอช่างมีความคิดสร้างสรรค์จริงๆ


10. ระนาดเป็นเหตุ.......
เป็นที่เรียนพิเศษที่เดียวค่ะ ที่ยังไม่เปิดตอนนี้ ใครที่เดินผ่านชั้นนี้มักจะเดินกันอย่างรีบเร่งค่ะ ความเงียบ และเงาประหลาดๆที่ปรากฎบนกระจกยังคงเป็นปริศนากันมาจนถึงทุกวันนี้(ประมาณสองเดือน) ว่ากันว่าสิ่งที่ทำให้ที่เรียนพิเศษนี้มาเปิดช้า เพราะว่ากำลังขนระนาดค่ะ(พยายามให้เกี่ยวข้องกับชื่อเรื่อง - -)




11. ทีวีแบน แค้นฝังหุ่น

ที่บริเวณฟู้ดคอร์ดนั้น นอกจากที่นั่งจะสุดแสนสะดวกสบาย(- -) ยังมีทีวีบริการให้อีก แถมยังเป็นจอแบน มีหลายเครื่องมาก แล้วทุกเครื่องจะเปิดช่องต่างกัน มีช่องเจ็ดอยู่สองเครื่องค่ะ ซึ่งตอนนี้กำลังมี goong อยู่ ว้าววววววว ไม่เป็นอันทำอะไรเลยค่ะ แย่งทีวีกันดูช่องเจ็ด แค้นจริงๆค่ะ มีแค่สองเครื่องที่เป็นช่องเจ็ด



12. ..........(ไร้ชื่อเรื่อง กลัวโดนฟ้อง ?)(รูปข้างบนเป็นรูปตัวอย่าง อาจจะเกี่ยว หรือไม่เกี่ยว แต่ก็น่าจะเกี่ยวกับเรื่องราวนี้ ไม่รู้สิคะ)
เรื่องนี้สยองจริงๆค่ะ ป้าอยากจะแฉ ทุกคนก็รู้กันอยู่ว่าช่วงนี้ร้าน......กำลังมีโปรโมชัน pepsi ฟรีใช่มั้ยค่ะ วันนั้นสั่งกินด้วยความมั่นใจ หลานเอมี่อยู่ข้างหน้าค่ะ ข้าวจานละ 65 บาท(แพงโคตร) pepsi ก็ฟรีค่ะ พอตาป้ากินอย่างเดียวกัน แต่ราคากลับเป็น 85 บาท พนักงานบอกป้า(เนื่องจากเห็นป้าหน้าเครียด)ว่าคิดค่าpepsi ด้วย อ้าววววววว อย่างนี้ก็สวยซิคะ เอมี่ไม่เห็นคิดเลย แล้วโปรโมชันก็โฆษณาตามทีวีมากมาย โกงค่ะโกง ป้าแบบสุดแสนจะโมโห ยังเก็บใบเสร็จไว้จนถึงบัดนี้ค่ะ รอว่างๆก่อนจะไปสคบ. เสร็จป้าแน่ เจอกันได้ชั้นหนึ่งอุ๊แลนด์ค่ะ






13. สยองแท้ๆ

นี่สิคะ ถึงจะเรียกว่าสยองแท้ๆ ป้าไร้คำบรรยายค่ะ รูปแบบใหญ่มาก เห็นแล้วขำทุกที 55+ เค้าช่างมั่นใจจริงๆที่เอารูปมาติด

เรื่องราวที่เร้นลับ ก็ยังคงเร้นลับต่อไป ตำนานที่ถูกกล่าวขานกันมา เรื่องราวต่างๆ คงมีอะไรหลายๆอย่างเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตอีกมากมายค่ะ อุ๊แลนด์จะดำเนินต่อไป ป้าว่าเป็นพันปีค่ะ เหอๆๆๆ

วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2551

รักเธอไปทุกวัน(ว่าด้วยเรื่องชีวิตประจำวัน)

-.- โทษทีนะคะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อัพ(ดองมากว่าสิบชาติ) แหะๆ คือรู้สึกเหนื่อยๆ(ก็ต้องตื่นตีห้าทุกวัน) แล้วก็อารมณ์แปรปรวนยังไงก็ไม่รู้ เดี๋ยวร่าเริง เดี๋ยวเซ็ง ปรับตัวตามอารมณ์ตัวเองไม่ทันจริงๆค่ะ ไม่ค่อยมีความคิดสร้างสรรค์ว่าจะลงอะไรดี เลยอยากจะเอาชีวิตประจำวัน(ของป้าเอง)มาลงค่ะ มันเป็นกิจวัตรที่ "น่าเบื่อมาก" เลยทำให้ชีวิตวัยรุ่นของป้า(ค่อนข้างขัดแย้ง)ต้องสูญสิ้นความสนุกสนานไปจนเกือบหมด

ปิดเทอม คืออะไร?
มันคือ ช่วงเวลาแห่งความสุขของวัยเรียนที่ผู้ใหญ่อิจฉา
คือ ช่วงเวลาแห่งแผนการณ์ “ปิดเทอมทำอะไรดี”
หรือ ช่วงเวลาแห่งความลับ “ปิดเทอมทำอะไรมา”
อาจเป็น ช่วงเวลาที่พรวดพราดผ่านไปคล้ายนั่งไทม์แมชชีน ยามเรามีสุข
แต่บางครั้งก็เป็น ไอ้จอมอุ้ยอ้าย น่าเบื่อ ยามเรามีทุกข์
บางคนสูงขึ้น บางคนผอมลง บางคนอกหัก บางคนตกหลุมรัก หลากหลายเรื่องราวเกิดขึ้นในปิดเทอม ฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและว้าวุ่นของวัยรุ่น

แต่ปิดเทอมของป้านั้นเป็น....อนิยามค่ะ....- -*
นี่คือวีถีชีวิตของสาวบ้านนาคนหนึ่งค่ะ (แต่เข้ามาเรียนในเมืองกรุงฯนะ 55+)

ตี 5 บางวันอาจจะเป็นตี 5 15นาที แล้วแต่อารมณ์ค่ะ : ตื่นนอน(จากเสียงนาฬิกาปลุกที่แสนโหดร้าย) ...เวลาลุกขึ้นมานี่แบบ...เฮ้อ...ชีวิตนี้ทำไมรันทดนัก ปิดเทอมแล้วยังต้องตื่นตีห้าอีก


ตี 5 - ตี 5 สามสิบนาที : อาบน้ำแปรงฟันค่ะ ช่วงนี้อากาศแห้งมาก คันไปทั้งตัว ต้องทาครีมก่อนไปทุกวัน


ตี 5 สามสิบนาที - ตี 5 สี่สิบห้า : ออกจากบ้านค่ะ เริ่มตั้งแต่ไขประตูบ้านออก เดินไปในถนนมืดๆ เรียกมอไซค์ฯ ให้ไปส่งที่ป้ายรถเมล์ ตรงนี้ก็เซ็งสุดๆค่ะ--เพราะว่าป้าดันไปมีเรื่องกับพวกวินมอไซค์ฯ ......จะเล่าให้ฟังว่าวันนั้นป้าตอนป้าเรียกมัน(มอไซค์) เห็นมันรับเงินผู้โดยสาร 15 บาท เป็นเหรียญห้าสามเหรียญ(ยืนใกล้มากเลยเห็น) ที่นี้มันก็ไปส่งป้าที่ป้ายรถเมล์ค่ะ ค่านั่งทั้งหมด 15 บาท ป้าจ่ายแบงค์ 20 ไป มันหันกลับมาทำหน้ากวนส้_เท้าแล้วบอกว่าไม่มีเหรียญห้าบาททอน ....อ้าว ไอ้นี่ ม่ะกี้เห็นได้อยู่แหม่บๆ.....ป้าก็แบบ..ทำไงดีวะ แต่ด้วยสมองอันชาญฉลาดของป้า 55+ ป้าเลยลงทุนข้ามถนนไปแลกเหรียญกับป้าขายกล้วยปิ้งค่ะ(ไกลมั่กๆ) โคตรสะใจเลย หลังจากวันนั้นมาป้ากับวินมอไซค์ก็ไม่ถูกกันโดยปริยายค่ะ มันชอบแซวป้าประจำ - -*


ตี 5 50 : ขึ้นรถเมล์ค่ะ สายดังต่อไปนี้ 507 508 511 513 แต่การขึ้นรถเมลล์ก็ไม่ได้สบายอย่างที่คุณคิด มันชอบมีรถเมลล์แบบเกรดต่ำๆค่ะ ไปศรีเอี่ยม มีเยอะมากเป็นสิบคัน ปกติรถเมลล์เค้ารับผู้โดยสารแล้วไปต่อเลย แต่อิพวกนี้มันจอดรอผู้โดยสารค่ะ เกะกะมาก ทำให้การขึ้นรถเมลล์ของป้าอันตรายอย่างเห็นได้ชัด


6 โมง 35 นาที : ถึงอ่อนนุชค่ะ ป้าก็จะแวะไปกินข้าวร้านแถวๆนั้น กินอยู่ทุกวันค่ะ "ข้าวมันไก่" จนตอนนี้หน้าเป็นไก่ไปแล้ว


7 โมง : ขึ้น bts ค่ะ (ขนมปังยามาซากิบนบีทีเอส หอมมากอ่ะ ได้กลิ่นทุกวันแต่ไม่กล้าซื้อ-แพง-)


7 โมง 25 นาทีนิดๆ : และแล้วก็มาถึง อุ๊แลนด์ค่ะ พญาไท คนเป็นหนอน ข้ามถนนทีนึงนี่จะเหยียบกันตาย แล้วป้าต้องไปเรียนอุ๊ที่ชั้น 15 ซึ่งเป็นชั้นเกือบสูงสุด ลิฟท์ก็มีแค่สามตัว แต่คนมีประมาณสามแสน - -* อย่าหวังว่าจะได้ขึ้นลิฟท์ค่ะ ผลสุดท้ายป้าก็ต้องขึ้นบันไดเลื่อนไป เฮ้อ......


7 โมง 30 นาที - 10 โมง : นั่งเรียนอุ๊ค่ะ ก็เพลินดีเรียนไปเรื่อยๆ ชอบมีพนักงานเค้ามาวีนให้เปลี่ยนที่บ่อยๆ คือที่จริงเค้า fix ที่ค่ะ แต่เรานั่งมั่วกันเพื่อจะได้นั่งกับเพื่อน ป้าเจอบ่อยมาก พนักงานคนนี้เดินมาหน้าเรียบๆ"ขอดูหนังสือหน่อยค่ะ" แล้วก็ให้เราย้ายไปนั่งที่เดิมกับใครก็ไม่รู้ ...เฮ้อ...เซ็ง (อิคนนั่งข้างๆก็โคตรเก่งแบบอยู่ใกล้แล้วกดดัน)


10 โมง : เลิกเรียนค่ะ ก็จะลงไปฉี่กันที่ชั้นสองทุกวัน แล้วก็จะเจอเอมี่(เอาอินุฯมาให้...ป้าติดแล้วค่ะ) แล้วก็แยกย้ายกันกลับ บ้างก็ไปเรียนต่อ บ้างก็ไปสยามต่อ


11 โมง - เที่ยง : เดินทางด้วยบีทีเอสอีกแล้ว แวะกันข้าวที่โลตัส เป็นแบบนี้ทุกวันค่ะ


เที่ยง - บ่าย 1 : เดินทางถึงบ้าน ดูซิคะ สรุปว่าการเดินทางกลับบ้านของป้าคือ บีทีเอส - รถเมล์ - สองแถว(ขากลับ) - มอไซค์ --


บ่าย 1 : ถึงบ้าน ก็ไม่มีอะไรทำ ไม่มีคนคุยด้วย ไม่มีใครให้คิดถึง 55+ เลยเล่มคอมค่ะ


สองทุ่ม : ดูข่าวในพระราชสำนัก - -*


อ้อ..ข้ามไปประมาณหกโมงถึง หนึ่งทุ่ม มีไปเล่นแบตกับป้าด้วยค่ะ


สองทุ่มครึ่ง : ทำการบ้านอุ๊ พร้อมกับดูละคร ไม่ว่าจะเป็นสงครามนางฟ้า นางสาวผ้าขี้ริ้ว ถ้าวันเสาร์อาทิตย์ก็ดู the star


สี่ทุ่มครึ่ง : นอน


ประมาณตีหนึ่ง : ฝันถึงใครบางคน ^ ^ (55+ อย่าคิดมากนะจ๊ะ)


นี่คือกิจวัตรประจำวันของป้า ที่จริงแรกๆมันก็ดูสบายดี แต่พอนานๆก็เริ่มเซ็งคือ เฮ้ออออออ............ เซ็ง
เพราะฉะนั้น...
วันที่ยี่สิบ ไปดูปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่นกันนะ 55+ ใครว่างออนมาบอกป้าด้วย
บางคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมชื่อเอนทรี่เป็น รักเธอไปทุกวัน(ว่าด้วยเรื่องชีวิตประจำวัน) ก็เพราะว่า...ปิดเทอมใหญ่นี้"รักเธอ"ไปทุกวันเลยไง....(งง) ลองไปเสิร์ซหานะ เพลงรักเธอไปทุกวันของโปเตโต้ เพราะดี ไปก่อนแระ บ๊ายบาย (มีจิ้งจกเข้ามาในห้องนอน..ทำไงดี กลัว - -")